1. เลือกสีที่เหมาะสมกับแบรนด์ และสินค้า

สีมีผลต่ออารมณ์ และความรู้สึกของลูกค้า การเลือกใช้สีที่สื่อถึงแบรนด์ และความเป็นเอกลักษณ์ของสินค้า เช่น สีเขียวสื่อถึงธรรมชาติ และความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับสินค้าจากธรรมชาติหรือออร์แกนิก ในขณะที่สีแดงให้ความรู้สึกกระตุ้น และสร้างความเร้าใจเหมาะกับสินค้าเช่นเครื่องดื่มหรืออาหารว่าง

2. การใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย และเข้ากับสไตล์ของสินค้า

ฟอนต์ หรือรูปแบบตัวอักษรมีผลอย่างมากต่อความรู้สึกของลูกค้า ฟอนต์แบบลายมืออาจจะเหมาะกับสินค้าที่ต้องการความอบอุ่น และเป็นมิตร ในขณะที่ฟอนต์ตัวหนา และเรียบง่ายเหมาะกับสินค้าสไตล์โมเดิร์น หรือสินค้าที่มีความพรีเมียม ควรเลือกฟอนต์ที่ไม่ซับซ้อนมากเกินไป เพื่อให้ลูกค้าสามารถอ่าน และเข้าใจได้อย่างง่ายดาย

3. สร้างจุดเด่นให้กับฉลากเพื่อให้สินค้าดูสะดุดตา

การใช้จุดเด่น (Highlight) เป็นส่วนสำคัญของการออกแบบฉลากสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีที่ตัดกัน การใส่รูปภาพที่สะดุดตา หรือการใช้กราฟิกดีไซน์ที่แปลกใหม่ การมีจุดเด่นที่น่าสนใจจะช่วยดึงดูดสายตาของลูกค้าได้ทันที เช่น การใช้สีทอง หรือสีเมทัลลิกเพื่อเน้นรายละเอียดของฉลาก

4. ข้อมูลชัดเจน และกระชับ เข้าใจได้ง่าย

ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการรู้ข้อมูลที่ชัดเจน และเข้าใจได้ทันที ฉลากสินค้าควรจะมีรายละเอียดที่กระชับ เช่น ชื่อสินค้า สาระสำคัญของส่วนผสม คำแนะนำในการใช้ และข้อดีของสินค้า แต่หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่มากเกินไป เพราะจะทำให้ฉลากดูแออัด ควรเลือกใช้ไอคอนหรือสัญลักษณ์ช่วยสื่อสารให้เข้าใจง่ายขึ้น

5. ออกแบบให้รองรับการใช้งานบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ

นอกจากการออกแบบให้ดูดีบนสินค้าจริงแล้ว อย่าลืมคำนึงถึงการนำฉลากไปใช้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น เว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย เนื่องจากการขายออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ฉลากสินค้าที่ดูดีบนรูปภาพจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้สินค้าได้อีกด้วย ควรออกแบบโดยคิดถึงความยืดหยุ่นในการใช้งานหลากหลายแพลตฟอร์ม

การออกแบบฉลากสินค้าให้โดดเด่นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สินค้าของคุณมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นเมื่อผสานเคล็ดลับเหล่านี้ในการออกแบบฉลากของคุณจะสามารถสื่อสารตัวตนของสินค้าและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการเลือกบริษัทพิมพ์สติกเกอร์ฉลากสินค้าที่เชื่อถือได้